วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ขัดหน้าด้วยกาก..ชา


       รู้รึเล่าค่ะว่าชาเขียวที่เราชงดื่มกินกันทุกวันนั้นแหละ คือ ยาวิเศษสำหรับคุณสาว ๆ เลยแหละเพราะนอกจากจะดื่มชาแล้วได้ประโยชน์ กากชาที่เหลือก็เป็นประโยชน์อีกด้วย ชงชาเขียวเสร็จก็อย่าลืมเก็บกากไว้ เพราะสามารถนำไปใช้ขัดหน้าได้อีก

โดยนำกากชาเขียว (ที่หมาดๆ หน่อย) มาปั่นให้ละเอียดที่สุด แล้วค่อยนำมานวดหน้าให้ทั่ว เน้นพิเศษตรงบริเวณที่มีริ้วรอยแผลเป็น แล้วก็ค่อยล้างออก ทำสักสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งก็พอ ถ้ายังมีกากเหลืออีกเยอะก็เก็บใส่ตู้เย็นก็ได้นะคะ แต่ว่าต้องใส่น้ำลงไปด้วยเพื่อความคงตัวของชา สูตรนี้ได้มาจากเพื่อนชาวญี่ปุ่น ซึ่งที่นั่นเขานิยมกันมาก
เป็นไงล่ะค่ะเคล็ดลับง่ายที่ทำให้คุณสวยได้โดยไม่ต้องกังวล


สิ่งที่ไม่ควรทำกับการดื่มชา





คนที่ชอบดื่มชามาก ๆ คุณรู้หรือไม่ว่าการดื่มน้ำชานั้น ก็ยังมีข้อห้ามเหมือนกัน มาดูกันว่าเขาห้ามอะไรกันบ้าน ขณะที่ดื่มชาอยู่
คุณไม่ควรดื่มชา ไปพร้อมกับการทานยา
และสำหรับที่ว่านี้ ก็คือ พวกยาฝรั่ง พวกยาจีน รวมถึงยาแผนโบราณของไทยด้วย เนื่องจากว่าสารต่าง ๆ ที่อยู่ในชานั้น สามารถที่จะไปทำปฏิกิริยา สำหรับยาที่ได้ทานไป เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับชา ก็คือ มันจะทำให้คุณสมบัติของยานั้น ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และสำหรับยาบางตัว ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นสารพิษก็ได้เช่นกัน
พยายามอย่าดื่มชาก่อนนอน
ยิ่งถ้าเกิดว่าเป็นคนที่ นอนหลับยากแล้ว ก็จะยิ่งมีผลมาก เนื่องจากว่าชานั้น สามารถไปกระตุ้น ให้ร่างกายของเรา นอนหลับได้ยากกว่าเดิมอีก ยิ่งถ้าเกิดว่าเป็นชาเข้มข้น ยิ่งไม่ควรที่จะดื่มเลย รวมทั้งน้ำชาที่มีการใส่น้ำแข็งลงไปด้วย เนื่องจากว่าน้ำชาเย็น ๆนั้น สามารถที่จะไปกระตุ้น ทำให้ลำไส้ รวมถึงกระเพาะปัสสาวะนั้น ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ คุณนั้นต้องตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก เพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำนั่นเอง
พยายามอย่าดื่มชา ที่ร้อนจัดเกินไป
เนื่องจากว่ามันอาจจะ ไปลวกปากของคุณได้ ซึ่งอาจจะเป็นอันตราย สำหรับในช่องปากได้ อย่างเช่น พวกลำคอ พวกลำไส้ ก็อาจจะส่งผลข้างเคียงได้ อย่างเช่น เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับชา อาจจะทำให้เนื้อบางส่วน ที่อยู่ในช่องปากตายได้ และก็อาจจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็งได้
อย่าดื่มชาที่มีการชงไว้ข้ามคืน
เนื่องจากว่าชานั้น อาจจะเสียได้ เพราะว่ามันชงมาเป็นเวลานานแล้ว และอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกสารต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำชานั้น ก็อาจจะมีการทำปฏิกิริยากันก็ได้ ซึ่งอาจจะทำให้สารอาหารขาดหายไป หรืออาจจะทำให้ท้องเสียได้ ถ้าไม่อยากให้มันเสีย ก็ควรที่จะนำไปแช่ ไว้ในตู้เย็น เพื่อที่จะได้เก็บได้นาน ๆ
ที่มา : icontea.com

เลือกชาให้ได้คุณภาพ




                     

                สำหรับชานั้น ก็จะมีหลากหลายประเภทให้เรา ได้เลือกซื้อกันคะ และชาแต่ละชนิดนั้นก็จะมีประโยชน์ และก็สรรพคุณสำหรับร่างกายเช่นกัน และชานั้นก็จะมีวางขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป กันมากมายทีเดียวจนทำให้เราเลือกซื้อกันไม่ถูก หรือว่าอันไหนที่เป็นชาแท้ ของชาเทียม ซึ่งถ้าเกิดว่าเลือกซื้อไม่ดี อาจจะถูกหลอกก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นแล้วก่อนที่จะซื้อ ก็ควรที่จะต้องมีการตรวจดู เกร็ดน่ารู้ เพื่อให้แน่ใจก่อนว่าจะไม่โดนหลอก ซึ่งในวันนี้เราก็มีเคล็ดลับสำหรับการเลือกซื้อชา มาฝากกันสำหรับคนที่ยังเลือกซื้อไม่เป็น และก็กลัวว่าจะถูกหลอกเอาง่าย ๆ โดยมีวิธีดังนี้
อย่างแรกเลยเราจะต้องดู เรื่องของลักษณะใบชา ซึ่งใบชานั้น ก็จะต้องมีรูปร่าง มีขนาด และก็สี ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันคะ รวมทั้งจะต้องไม่มีก้านชา รวมทั้งสิ่งแปลกปลอมเจือปนอยู่ด้วย
วิธีการดม ควรจะดมดูกลิ่น ของใบชาด้วย เพราะว่าใบชาที่ดีนั้น ก็จะต้องมีกลิ่นของความสด และก็มีกลิ่นหอมติดจมูก ซึ่งก็จะต้องไม่มีกลิ่นอื่น ๆ มารวมอยู่ด้วย
วิธีการจับ ควรจะมีการจับ หรือว่าการสัมผัสใบชาด้วย เพราะว่าใบชาที่ดีนั้น ถ้าเกิดว่ามันมีน้ำหนักที่มาก มันก็จะยิ่งมีคุณภาพมากตามไปด้วย
วิธีการชิม ควรจะมีการทดลองชิม เพื่อที่จะได้รู้รสชาติของน้ำชาด้วย เพราะว่าน้ำชาที่ดีนั้น เกร็ดน่ารู้ ก็จะต้องมีรสชาติที่เข้มข้น และก็จะต้องมีกลิ่นหอมรวมทั้งมีรสชาติหวาน ตรงบริเวณปลายลิ้นด้วยคะ
ซึ่งวิธีการเลือกซื้อก็ไม่ยากเลย เพียงแค่คุณทำตามวิธีที่เราแนะนำไป ก็จะไม่เสี่ยงกับการถูกหลอก แถมยังได้ชาที่มีคุณภาพกลับมาชงดื่มที่บ้านอีกด้วยคะ รู้แล้วก็อย่าลืมนำไปใช้นะคะ
ที่มา : teaandspice.co.th

การดื่มชาไม่ควรใส่นม




คงเคยได้ยินว่าได้มีงานวิจัย เป็นจำนวนมาก ที่จะแสดงให้เห็นว่า ในชานั้นสามารถที่จะช่วย ทำให้เลือดไหลเวียน ได้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งยังทำให้เส้นเลือดใหญ่ ได้มีการขยายขึ้นด้วย ซึ่งทางด้านนักวิจัย จากโรงพยาบาล คาริตในมหาวิทยาลัย เบอร์ลิน ในประเทศเยอรมนี ซึ่งก็ได้พบว่า นมนั้นสามารถที่จะทำให้ ประโยชน์ของชา ช่วยในการปกป้อง เรื่องของโรคหัวใจได้ และชานั้นก็ยังเป็นเครื่องดื่ม ซึ่งได้มีการบริโภค กันอย่างแพร่หลาย
เพราะฉะนั้นแล้ว คุณประโยชน์ที่อยู่ในชา จึงได้มีความสำคัญ ในเรื่องของสาธารณสุขด้วย และทางด้านดร.เวเรนา สแตงล์ นั้น ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านโรคหัวใจ

 เกร็ดน่ารู้ อยู่ในโรงพยาบาลคาริต ซึ่งทางด้านทีมนักวิจัยนั้น ก็ได้มีการพบว่า ในโปรตีน casein ที่อยู่ในนมนั้น ซึ่งก็จะเป็นผลทำให้ จำนวนของสาร catechin ซึ่งจะมีฤทธิ์ในการปกป้อง เรื่องของโรคหัวใจได้ลดลง ซึ่งทางด้านนักวิจัยทีมนี้ ก็ได้มีความเชื่อว่า การดื่มชานั้น สามารถที่จะช่วยลด ความเสี่ยงของโรคหัวใจ รวมทั้งโรคหลอดเลือดในหัวใจได้
 
 
 
ซึ่งทางด้านนักวิจัย ก็ได้มีการเปรียบเทียบผล สำหรับสุขภาพ ที่มีการดื่มน้ำอุ่น และก็ชาแบบเติมนม รวมทั้งไม่เติมนม ในผู้หญิงที่มีสุขภาพดี เป็นจำนวน 16 คน ด้วยวิธีการอุลตราซาวด์ และก็จะดูเส้นเลือดใหญ่ ตรงบริเวณข้อมือก่อน และก็หลังจากที่ดื่มชา ประมาณ 2 ช.ม. และผลก็คือ สำหรับชาดำนั้น ก็จะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ถ้าเกิดว่าเทียบ กันกับการดื่มน้ำอุ่น และถ้าเกิดว่าเติมนมลงไปในชา ก็จะทำให้ประโยชน์ ได้จางหายไปทันทีเลย เกร็ดน่ารู้  และสำหรับการทดสอบ กับหนูนั้นก็จะได้ผล ในแบบเดียวกันคะ นั้นก็คือ ถ้าดื่มชาดำ ก็จะช่วยในการกระตุ้น เพื่อให้ร่างกายของหนูนั้น ได้มีการผลิตสารไนตริกออกไซด์ ซึ่งก็จะช่วยทำให้ หลอดเลือดได้มีการขยายตัวด้วย

ประโยชน์จากกากชา

 



     น้ำชา นอกจากจะให้ความสดชื่น สดใส กับผู้รับประทานแล้ว ยังมีประโยชน์ในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ ใครที่ทานน้ำชาบ่อยๆ และทานเป็นประจำ ก็จะช่วยลดไขมันส่วนเกิน ลดไขมันในเส้นเลือด และยังทำให้ผิวพรรณผ่องใสไร้สิวฝ้า ด้วยค่ะ      การทานช้าให้เกิดประโยชน์นั้น ควรใช้น้ำร้อนลวกใบชาก่อนในน้ำแรก เพื่อเป็นการกระตุ้นใบชา และเป็นการล้างทำความสะอาดใบชาด้วย น้ำที่ใช้จะต้องร้อน 97-100 องศา จึงจะดีที่สุด หลังจากลวกใบชาแล้วก็ลวกภาชนะที่ใช้พักชาด้วย เพืื่อทำความสะอาด เพราะใบชาไม่มีคราบไขมันจึงไม่จำเป็นต้องล้างด้วยน้ำยาล้างจาน แค่ลวกน้ำอย่างเดียวก็ใช้ได้ค่ะ เมื่อลวกทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เติมน้ำร้อนในใบชาอีกครั้ง แช่ไว้ประมาณ 1 นาที ก็สามารถรับประทานได้เลย เราจะได้ประโยชน์จากชามากที่สุดก็คือช่วงเวลานี้ ถ้าแช่นานเกินไปก็จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะสารต่างๆ ในชาจะถึงธาตุแคลเซียมในร่างกาย ทำให้กระดูกผุได้ง่าย หรือทำให้ท้องผูกได้ถ้าทานชาแก่มากๆ (เหมาะสำหรับคนท้องเสียค่ะ ให้ทานชาแก่)
     ด้วยประโยชน์ และคุณสมบัติสำคัญของการชะล้างไขมันนี่เอง ทำให้เราสามารถนำกากชาที่เหลือจากการกินน้ำชาแล้ว มาใช้ในการล้างคราบไขมันจากจานชามที่เราให้ทานอาหารได้ค่ะ
     วิธีการใช้กากชา ก็คือ นำกากชาที่ใช้แล้วเช็ดทำความสะอาดจากก่อน ที่จะนำจานไปล้างด้วยน้ำยาล้างจาน วิธีนี้จะช่วยประหยัดน้ำยาล้างจานได้มากทีเดียวค่ะ เพราะคราบไขมันต่างๆ ได้หลุดออกไปแล้วอย่างมากในตอนแรก นอกจากจานจะสะอาดขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ปราศจากกลิ่นคาวต่างๆ ได้ด้วยค่ะ      ประโยชน์ของชามีอีกหลายอย่าง ก็คือกากชาที่ใช้แล้ว นำมาทำเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้คะ นอกจากเป็นปุ๋ยแล้วยังช่วยไล่แมลงด้วยค่ะ ที่บ้านทำเป็นประจำ

เคล็ดลับการทำความสะอาดกระจก







ไม่ว่าจะเป็นกระจกใส กระจกเงา หรือกระจกอะไรก็แล้วแต่ เมื่อนานวันเข้าก็เป็นฝ้ามีฝุ่นมีคราบเกาะ วันนี้มีวิธีทำให้กระจกที่บ้านคุณกลับมาใสเหมือนเดิม
จะทำความสะอาดกระจกที่บ้าน แต่น้ำยาเช็ดกระจกเจ้ากรรมดันหมด อย่าเพิ่งล้มเลิกความตั้งใจ เพราะไม่ต้องใช้น้ำยาก็ได้ วันนี้มีเคล็ดลับทำความสะอาดโดยใช้สิ่งอื่น ซึ่งจะทำให้กระจกที่บ้านกลับมาเงางามใสแจ๋ว โดยไม่ต้องพึ่งคาร์แคร์ ไม่แพ้น้ำยาเช็ดกระจกเลยทีเดียว

วิธีแรก ถ้าน้ำยาเช็ดกระจกหมด ให้ลองเอาน้ำยาล้างจานมาผสมน้ำ แล้วใช้ฉีดพ่นต่างน้ำยาเช็ดกระจก ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์เช็ดให้ขึ้นเงา กระจกก็จะกลับมาใสเงางาม หรือจะลองใช้ำเกลือผสมกับน้ำ คนให้ละลาย ใช้ล้างสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนจากกระจกได้ง่ายเช่นกัน

นำยาสีฟันมาบีบใส่ไว้บนกระจกแล้วหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดยาสีฟันที่บีบทิ้งไว้บนกระจก โดยถูให้ทั่ว ๆ กระจก แล้วใช้ผ้าเช็ดอีกครั้ง กระจกเงาที่หมอง จะดูเงางาม เป็นประกายทันที

ถ้ากระจกเงาเป็นฝ้า ใช้แป้งฝุ่นหอม ทาให้ทั่วหน้ากระจก แล้วใช้กระดาษอะไรก็ได้ที่บางและนุ่มสะอาดถูให้ทั่ว รับรองว่ากระจกเงาของคุณจะสดใสกว่าเดิม วิธีนี้ใช้กับกระจกธรรมดาก็ได้.


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=141287
 

LDL, HDL ( ไขมันดีและไขมันไม่ดี )

สำหรับท่านที่ชอบศึกษาในเรื่องของสุขภาพและเรื่องโภชนาการต่างๆ คงต้องเคยเห็นคำว่า LDL, HDL หรือไขมันดีและไขมันไม่ดีกันอยู่เป็นประจำ เรามาทำความรู้จักกับ LDL และ HDL ในบทความนี้กันดีกว่า...
         สำหรับท่านที่ชอบศึกษาในเรื่องของสุขภาพและเรื่องโภชนาการต่างๆ คงต้องเคยเห็นคำว่า LDL, HDL หรือไขมันดีและไขมันไม่ดีกันอยู่เป็นประจำ เรามาทำความรู้จักกับ LDL และ HDL ในบทความนี้กันดีกว่า...

ไขมันดี (HDL) และไขมันไม่ดี (LDL) มีความสัมพันธ์ชัดเจนกับการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

LDL ( ไขมันไม่ดี ) คืออะไร ?

LDL มาจากคำว่า Low Density Lipoprotein ( ไขมันไม่ดี ) มีความสัมพันธ์ชัดเจนกับการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นไขมันที่สามารถทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัวได้ ไขมัน LDL ทำหน้าที่ลำเลียงคอเลสเตอรอลทั้งหลายออกจากตับเข้าสู่กระแสเลือดในร่างกาย หากคอเลสเตอรอลเหลืออยู่ในกระแสเลือด ก็จะสะสมเป็นตุ่มเกาะอยู่ตามผนังของหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดแข็ง เกิดภาวะหลอดเลือดตีบ นานเข้าก็จะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดอุดตัน และส่งผลต่อการเป็นโรคความดันสูง โรคหัวใจขาดเลือด ไตวาย อัมพาตอัมพฤกษ์ เป็นต้น
หลอดเลือดและคอเลสเตอรอล
หลอดเลือดและคอเลสเตอรอล
( credits: tappmedical.com, aboutyourcholesterol.com )

LDL ( ไขมันไม่ดี ) มาจากไหน ?

1. อาหารจำพวกไขมันอิ่มตัว ( Saturated Fat ) ได้แก่ ไขมันจากสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เป็นต้น ( ยกเว้นเนื้อปลา ) รวมไปถึง ไข่ เนย ชีส น้ำสลัดสำเร็จรูป ไอศกรีม นมโฮลมิลค์ เค้ก คุ้กกี้ เป็นต้น และไขมันอิ่มตัวยังได้มาจากพืชตระกูลปาล์มอีกด้วย เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว เป็นต้น

ที่ต้องเรียกกันว่าไขมันอิ่มตัวเนื่องจากโมเลกุลของ LDL จะประกอบด้วยออกซิเจน ไฮโดรเจน และคาร์บอน เรียงตัวกันแน่นจนไม่มีช่องว่างของโมเลกุลที่สามารถทำปฏิกิริยากับโมเลกุลอื่นได้อีก จึงเรียกกันว่า "ไขมันอิ่มตัว"

2. อาหารจำพวกไขมันทรานส์ ( Trans Fat ) ไขมันทรานส์นี้เป็นไขมันไม่อิ่มตัว ( Unsaturated Fat ) อีกชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่ไขมันไม่อิ่มตัวทั่วไป ( ไม่เหมือนไขมันไม่อิ่มตัวจาก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำ น้ำมันมะกอก ) ไขมันทรานส์จะมีเรียงตัวของโมเลกุลแบบหันไปคนละทาง โดยไขมันชนิดนี้พบได้มากในสัตว์เคี้ยวเอื้องเช่นวัว ควาย แต่การนำมาใช้เป็นอาหารจะมีการแปรรูปโดยการเติมอะตอมของไฮโดรเจนลงไป ทำให้ไขมันไม่อิ่มตัวเปลี่ยนเป็นไขมันทรานส์ ( ไขมันที่เป็นไข ) เพื่อที่จะเอาไปทำเนยเทียม หรือประกอบอาหารสำเร็จรูปต่างๆ เช่นครีมเทียม ขนมกรุบกรอบต่างๆ ขนมที่มีมาการีนต่างๆ เป็นต้น

โมเลกุลของ LDL และ HDL
โมเลกุลของ LDL และ HDL ( รูปภาพจาก www.adam.com )

HDL คืออะไร ?

HDL มาจากคำว่า High Density Lipoprotein ( ไขมันที่ดี ) เป็นไขมันที่มีความหนาแน่นสูง HDL ดีกับหลอดเลือดแดงเนื่องจาก ช่วยป้องกันไม่ให้ คอเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์, และ LDL สะสมในหลอดเลือดแดง หากขาด HDL ในเลือด ก็จะทำให้เป็นการเพิ่มโอกาสการเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดได้

เราสามารถเพิ่ม HDL ได้อย่างไร ?

การเพิ่ม HDL ให้กับร่างกายนั้นทำได้หลายวิธี เช่น

1. การออกกำลังกายที่มีการใช้แรงงานปานกลางหรือแอโรบิก ( Aerobic ) เป้นการออกกำลังกายที่ทำให้เหนื่อยจนเหงื่อออก และออกกำลังต่อเนื่อง 10 นาทีขึ้นไป เช่น เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ เดินเร็ว วิ่งจ๊อกกิ้ง เป็นต้น ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที หรือทุกวันถ้าเป็นไปได้

2. ควบคุมอาหาร การควบคุมอาหารที่มีแคลอรี่สูงเกินความจำเป็น ควบคู่กับการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงาน เป็นการช่วยเพิ่ม HDL ได้ และควรเลิกสูบบุหรี่เนื่องจากบุหรี่จะทำให้ HDL ต่ำลง

3. หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ เนื่องจากไขมันทรานส์จะไปเพิ่ม LDL ( ไขมันไม่ดี ) และลด HDL ลง อาหารที่มีไขมันทรานส์มากได้แก่ เนยเทียม มาการีน ครีมเทียมต่างๆ ขนมกรุบกรอบต่างๆ เป็นต้น

4. เพิ่มอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่นพืชผักต่างๆ ( Insoluble ) และ อาหารจำพวกธัญพืชต่างๆ ( Soluble ) หรืออาหารจำพวกเมล็ดธัญพืชไม่ขัดสี ( Whole Grain ) เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต โฮลวีท นักวิจัยพบว่าใยอาหารจำพวกนี้สามารถลด LDL ไตรกลีเซอไรด์ และสามารถเพิ่มไขมัน HDL ได้

5. อย่าลืม ไขมันโอเมก้า 3 ( Omega 3 ) ไขมันโอเมก้า 3 นั้นมีสามตัว ตัวที่หนึ่งคือกรดแอลฟาไลโปอิค (Alpha lipoic acid–ALA) พบมากในน้ำมันพืชบางชนิดและน้ำมันถั่วเหลือง ตัวที่สองคือ กรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก (Eicosapentaenoic: EPA) และตัวที่สามเรียกว่ากรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก หรือ DHA ( Docosahexaenoic acid ) กรดไขมันตัวที่ 2 และ 3 พบมากในน้ำมันปลาทุกชนิด โดยเฉพาะปลาทะเล

ldl และ hdl ในอาหารต่างๆกัน
เราสามารถควบคุม LDL ได้จากการเลือกรับประทานอาหาร

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

www.umm.edu/patiented/articles/hdl_ldl_000362.htm
www.phyathai.com/phyathai/new/th/specialcenter/popup_cms_detail.php?cid=236&type=List
www.phyathai.com/phyathai/new/th/specialcenter/popup_cms_detail.php?cid=235&type=List
mynormalcholesterollevels.com/how-to-increase-hdl/


Read more... : http://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2668&sub_id=95&ref_main_id=2#ixzz2MGhLws4u

เติมความสดใสในร่างกายด้วย

ชีวิตเราควรหาอะไรเติมเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาว่างไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ การทานอาหารนอกบ้าน การช้อปปิ้ง วันนี้เรามีเคล็ดลับการเติมความสดใสในร่างกาย ด้วยการเพิ่มโปรไบโอติคที่ดี อย่าเพิ่งสงสัยว่าเจ้าสารตัวนี้คืออะไร เพราะวันนี้เราจะมาเฉลยกันคะ
         ชีวิตเราควรหาอะไรเติมเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาว่างไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ การทานอาหารนอกบ้าน การช้อปปิ้ง วันนี้เรามีเคล็ดลับการเติมความสดใสในร่างกาย ด้วยการเพิ่มโปรไบโอติคที่ดี อย่าเพิ่งสงสัยว่าเจ้าสารตัวนี้คืออะไร เพราะวันนี้เราจะมาเฉลยกันคะ
อาหารที่มีโปรไบโอติคผสมอยู่มีมากมายหลายอย่างค่ะ อย่างเช่น โยเกิร์ตที่มีส่วนผสมโปรไบโอติค เครื่องดื่มนมหมัก ชีส หรือมิโสะ ซึ่งล้วนเป็นแหล่งโปรไบโอติคที่ดี อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันในนามแบคทีเรีย "ดี" โปรไบโอติคมีไมโครออกานิซึม เช่น แลคโตบาซิลลัส อดิโดฟิลลัส ที่กระตุ้นระบบการย่อยอาหารเพื่อสุขภาพ และหนุนสุขภาพโดยรวม ต่อไปนี้คือข้อดีของโปรไบโอติค มาดูกันซิว่ามีประโยชน์และคุณสมบัติอะไรบ้างนะคะ
1. ช่วยลดไขมันในเสันเลือด การผสมโปรไบโอติคกับโปรตีนถั่ว ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดตัวร้าย LDL ได้ และการบริโภคโยเกิร์ตถั่วเหลืองสามารถลดระดับไขมัน LDL ลงไปได้มาก จัดเป็นการทำให้เส้นโลหิตมีสุขภาพดี
2. ลดไขมันที่พุง สตรีมีครรภ์ซึ่งเริ่มกินโปรไบโอติคตอนตั้งครรภ์สามเดือนแรกมักจะไม่มีไขมันหน้าท้อง หนึ่งปีหลังคลอดตามรายงานการศึกษาจากฟินแลนด์ แต่ถึงคุณไม่ท้องก็ยังได้ประโยชน์จากโปรไบโอติคอยู่ดี
3. ทำให้ระบบการย่อยดีขึ้น การศึกษาใหม่จากฝรั่งเศสพบว่า อาหารเสิรมโปรไบโอติคช่วยบรรเทาปัญหาท้องไส้ที่เรามักเป็นกันในบางครั้งได้ การศึกษาพบว่าคนที่บริโภคนมหมักเป็นประจำ จะมีระบบการย่อยอาหารสบายๆ และช่วยลดแก๊สกับอาการบวมหลังบริโภคได้สองสัปดาห์
4. บรรเทาอาการภูมิแพ้ นักค้นคว้าอังกฤษพบอาสาสมัครที่มีประวัติแพ้อากาศตามฤดูกาล ซึ่่งบริโภคเครื่องดื่มโปรไบโอติคแล้วมีระดับอินมูโนโกลบุลิน อี ซึ่งเป็นแอนติบอดี้ที่กระตุ้นอาการแพ้ละอองฟาง หรือระดับแอนติบอดี้ ที่ปกป้องต่อปฎิกิริยาอาการภูมิแพ้

เติมความสดใสในร่างกายด้วย


 
 
 
ชีวิตเราควรหาอะไรเติมเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาว่างไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ การทานอาหารนอกบ้าน การช้อปปิ้ง วันนี้เรามีเคล็ดลับการเติมความสดใสในร่างกาย ด้วยการเพิ่มโปรไบโอติคที่ดี อย่าเพิ่งสงสัยว่าเจ้าสารตัวนี้คืออะไร เพราะวันนี้เราจะมาเฉลยกันคะ
อาหารที่มีโปรไบโอติคผสมอยู่มีมากมายหลายอย่างค่ะ อย่างเช่น โยเกิร์ตที่มีส่วนผสมโปรไบโอติค เครื่องดื่มนมหมัก ชีส หรือมิโสะ ซึ่งล้วนเป็นแหล่งโปรไบโอติคที่ดี อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันในนามแบคทีเรีย "ดี" โปรไบโอติคมีไมโครออกานิซึม เช่น แลคโตบาซิลลัส อดิโดฟิลลัส ที่กระตุ้นระบบการย่อยอาหารเพื่อสุขภาพ และหนุนสุขภาพโดยรวม ต่อไปนี้คือข้อดีของโปรไบโอติค มาดูกันซิว่ามีประโยชน์และคุณสมบัติอะไรบ้างนะคะ

1. ช่วยลดไขมันในเสันเลือด การผสมโปรไบโอติคกับโปรตีนถั่ว ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดตัวร้าย LDL ได้ และการบริโภคโยเกิร์ตถั่วเหลืองสามารถลดระดับไขมัน LDL ลงไปได้มาก จัดเป็นการทำให้เส้นโลหิตมีสุขภาพดี

2. ลดไขมันที่พุง สตรีมีครรภ์ซึ่งเริ่มกินโปรไบโอติคตอนตั้งครรภ์สามเดือนแรกมักจะไม่มีไขมันหน้าท้อง หนึ่งปีหลังคลอดตามรายงานการศึกษาจากฟินแลนด์ แต่ถึงคุณไม่ท้องก็ยังได้ประโยชน์จากโปรไบโอติคอยู่ดี

3. ทำให้ระบบการย่อยดีขึ้น การศึกษาใหม่จากฝรั่งเศสพบว่า อาหารเสิรมโปรไบโอติคช่วยบรรเทาปัญหาท้องไส้ที่เรามักเป็นกันในบางครั้งได้ การศึกษาพบว่าคนที่บริโภคนมหมักเป็นประจำ จะมีระบบการย่อยอาหารสบายๆ และช่วยลดแก๊สกับอาการบวมหลังบริโภคได้สองสัปดาห์

4. บรรเทาอาการภูมิแพ้ นักค้นคว้าอังกฤษพบอาสาสมัครที่มีประวัติแพ้อากาศตามฤดูกาล ซึ่่งบริโภคเครื่องดื่มโปรไบโอติคแล้วมีระดับอินมูโนโกลบุลิน อี ซึ่งเป็นแอนติบอดี้ที่กระตุ้นอาการแพ้ละอองฟาง หรือระดับแอนติบอดี้ ที่ปกป้องต่อปฎิกิริยาอาการภูมิแพ้



คลายความเหนื่อยล้าในตอนเช้า เราช่วยได้





         เช้าวันใหม่ที่แสนจะอ่อนล้าแบบนี้ เหมือนการพักผ่อนในวันหยุดจะยังไม่พอสำหรับคุณ ยิ่งถ้าอากาศเป็นใจด้วยแล้วยิ่งทำให้ไม่อยากตื่นจากที่นอนกันเลยใช่ไหมล่ะค่ะ เรามีวิธีช่วยให้คุณสดใสรับเช้าของคุณทุกๆ วันมาบอกกันค่ะ

          คลายเหนื่อยล้าในตอนเช้า เราช่วยได้

           เช้าวันจันทร์ หรือเช้าของทุกๆ วัน ที่ทำให้คุณไม่อยากจะตื่นจากที่นอนเพื่อลุกมาทำงาน หรือบางทีอาจจะเบื่อกับรถติด เบื่อกับการทำงานที่เต็มบนโต๊ะ..

 

          ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ร่างกายของคุณรู้สึกเหนื่อยล้าลงได้ง่าย ลองหาวิธีที่จะช่วยให้ทุกๆ วันของคุณ สดใส และมีพลัง กันดีกว่าไหมค่ะ




วิธีที่ 1 ไม่ใช้ “กาแฟ” เป็นทางลัด ลดความล้า
แม้คุณจะชินและอยากจิบความหอมของกาแฟในยามเช้า เพื่อหวังกระตุ้นพลัง และสลัดความเหนื่อยล้า ทว่าแท้จริงแล้ว กาแฟช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น หายเหนื่อยล้าได้ก็จริง แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น เพราะพลังชีวิตของคุณจะตกต่ำลงอีกครั้ง เมื่อกาแฟหมดฤทธิ์ สาวบางคนจึงต้องจิบกาแฟทั้งเช้า สาย บ่าย ค่ำ แทบกลายเป็นคนติดกาแฟ ดังนั้นการจิบกาแฟเพื่อต่อสู้กับความเมื่อยล้าของร่างกาย จึงมิใช่ทางออกที่ยั่งยืน หากแต่จะกักเก็บพลังแห่งความอ่อนล้านั้นเอาไว้  

วิธีที่ 2 หลับไม่น้อยกว่า 7 ชั่วโมง
แม้ว่าร่างกายของแต่ละคน อาจต้องการเวลานอนที่ไม่เท่ากัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ก็ควรจะนอนให้ได้วันละ 7 ชั่วโมงหรือมากกว่า ถึงจะเรียกว่าเหมาะ เพราะร่างกายจะได้มีเวลามากพอในการซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ ที่สำคัญคุณควรจะเข้านอน และตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุด เพื่อให้ร่างกายได้เกิดความเคยชินว่าต้องตื่นขึ้นมาในเวลาใด แถมตื่นขึ้นมาก็จะได้ไม่รู้สึกงัวเงีย แต่กลับกระปรี้กระเปร่า พร้อมรับวันใหม่ในทุกเช้าค่ะ  

วิธีที่ 3 หมั่นเดินเร็ว ออกกำลังฟิตร่างกาย
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถือว่ามีประโยชน์มากต่อร่างกาย เพราะจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) สร้างความสุข และพลังกายพลังใจให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นแนะนำว่าถ้าอยากสดชื่นควรหมั่นออกกำลังกาย อย่าให้พร่อง ที่สำคัญคุณไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ออกกำลังราคาแพง หรือเข้าฟิตเนส (fitness) ราคาสูง

หากคุณเป็นมนุษย์ทำงาน ที่มิได้กระเป๋าหนัก วิธีง่ายๆ ในการที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายแบบประหยัด ก็คือ “การเดินเร็ว” ลองเดินเร็วสักวันละ 20 นาที ทำให้ได้สม่ำเสมอ แค่นี้คุณก็จะมีพลังล้นเหลือ
ไม่เหนื่อยเพลียง่ายๆ แล้วหล่ะค่ะ
 

วิธีที่ 4 ห้ามลืมมื้อเช้า กินถั่ว และกล้วย บำรุงสมอง
อย่างที่ทราบกันว่า สิ่งที่กินเข้าไปย่อมส่งผลต่อร่างกายคุณโดยตรง ฉะนั้นอาหารที่คุณเลือกส่งเข้าไปในกระเพาะ จึงควรเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยบำรุงสมอง แนะนำเป็นอาหารใกล้ตัวที่หาง่ายๆ อย่างเช่น กล้วย และถั่ว พกติดตัวไว้ รับประทานรองท้องยามหิว เป็นของกินเล่นที่มีประโยชน์เชียวล่ะค่ะ และอีกสิ่งสำคัญที่ห้ามลืมก็คือ อาหารเช้า มื้อเริ่มต้นวันใหม่ที่คุณๆ ไม่ควรจะขาด เพราะหากไม่เติมพลังให้ร่างกายแล้วคุณก็จะไม่สดชื่น สดใส และไม่มีแรงต่อสู้กับความเหน็ดเหนื่อย ได้ตลอดทั้งวัน  

วิธีที่ 5 ดื่มน้ำสะอาด งดกาแฟหลัง 6 โมงเย็น
เป็นอีกสิ่งที่หลายคนอาจหลงลืม แม้จะดูแลตัวเองดีแค่ไหน แต่ถ้าร่างกายขาดน้ำ คุณก็อาจรู้สึกอ่อนเพลีย เซื่องซึมได้ง่ายๆ ฉะนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่ายกาย (แนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำสะอาดประมาณ 2.5 ลิตรต่อวัน) หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (caffeine) อย่างกาแฟ ในปริมาณมาก เพราะกาแฟจะมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ จนอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ ที่สำคัญไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลัง 6 โมงเย็นด้วยค่ะ เพราะสารคาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้คุณกระปรี้กระเปร่าในยามที่คุณควรจะพักผ่อน ประเดี๋ยวหลับไม่ลง ตื่นเช้าขึ้นมาจะไม่สดใส กลายเป็นรู้สึกอ่อนเพลียไปอีก

วิธีที่ 6 ขีดเขียน เมื่อรู้สึกง่วง
หากยามเช้ามาถึงออฟฟิศ ก็ยังเมื่อยล้า ไม่เลิกรา ยิ่งตกบ่ายพลังก็ยิ่งต่ำลง ประมาณว่าเมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน ทว่าจะมาตาตกนั่งสัปหงกในที่ทำงานคงไม่ส่งผลดีต่อตัวคุณแน่ ดังนั้นต้องตั้งมั่น อย่าหลับให้เสียภาพพจน์เด็ดขาด หากคุณง่วงมาก จนลืมตาแทบไม่ขึ้น สมองเบลอ จนคิดงานไม่ออก ลองหยิบปากกาขึ้นมาวาดรูปเล่น หรือเขียนสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ลงในกระดาษสักแผ่น เพื่อเป็นการปลุกความคิด กระตุ้นสมองให้ตื่นตัวสลัดทิ้งความเมื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้ง  

วิธีที่ 7 หาตัวช่วยเป็นวิตามินเสริม (บ้าง)
แม้ทางที่ดีเลิศของการทานอาหารคือ พยายามทานให้ครบ 5 หมู่ แค่นี้ร่างกายก็สมบูรณ์แข็งแรงได้แล้ว ทว่าในยุคปัจจุบันสาวทำงานที่มัวแต่ง่วนกับงาน ตื่นเช้าก็เร่ง พักกลางวันก็รีบ ตกเย็นก็เหนื่อย มีเวลาน้อยเหลือเกินที่จะเลือกอาหารการกินให้ได้ครบคุณประโยชน์




ในกรณีนี้อาจมองหาวิตามินเสริมมาเพิ่มเติมสารอาหารที่ร่างกายคุณขาดบ้าง แต่ข้อสำคัญต้องเน้นย้ำว่า ควรรับประทานแต่พอดี และปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอด้วยนะคะ  


วิธีที่ 8 วางแผนล่วงหน้า
เพราะในชีวิตของเรา ต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลง และเรื่องที่ไม่คาดคิดตลอดเวลา และหากเกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้นแล้วคุณมิได้เตรียมใจ วางแผนแก้ไขไว้แต่เนิ่นๆ ความเครียดก็อาจมาเยือนคุณได้ ฉะนั้นเมื่อคิดจะทำสิ่งใดควรวางแผนล่วงหน้าไว้ให้กระจ่าง จะแต่งงาน จะมีลูก หรือกระทั่งซื้อบ้านซื้อรถ พิจารณาวางแผนให้รอบคอบเสียหน่อย จะได้ไม่ต้องมาเครียดนาน เครียดสะสม จนกลายเป็นสิ่งบั่นทอน สร้างความเมื่อยล้าให้กับกายและใจของคุณได้  

วิธีที่ 9 จัดสรรบ้านช่องให้เรียบร้อย
มันคงไม่ดีนักที่กลับมาจากที่ทำงานเหนื่อยๆ แล้วต้องเจอกับสภาพบ้านช่องที่รกรุงรัง จะหาของแต่ละทีก็แทบต้องนั่งปาดเหงื่อ เพราะไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน!

อย่าเพิ่มความเหนื่อยให้กับตัวเองเลยค่ะ หากอยากเก็บพลังเก็บแรงไว้สู้กับปัญหาภายนอกอีกสารพัด
ลองเริ่มด้วยวิธีใกล้ตัวสุดๆ อย่างการจัดระเบียบบ้าน หรือห้องนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มองเห็นสะอาดตา หยิบหาของใช้ก็แสนง่าย  นี่แหละอีกสิ่งง่ายๆ ที่จะสร้างความสุข และป้องกันความเหนื่อยหน่ายให้ตัวเราได้  

วิธีที่ 10 ทำกิจกรรมปลดเปลื้องความเครียด
พยายามที่จะเรียนรู้ และหาทางจัดการกับความเครียดของตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ เสียบ้าง เพราะการกักเก็บความเครียดเอาไว้นาน มันจะส่งผลเสียต่อทั้งร่างกาย และจิตใจ หากรู้สึกว่าวันนี้เกิดเซ็งๆ ทำอะไรก็ผิดรู้สึกเครียดไปหมดลองผ่อนคลายด้วยวิธีใกล้ตัว อย่าง การอาบน้ำให้เย็นสบาย ปล่อยใจให้ว่าง หรือจะอ่านนิยายเล่มโปรด, ทำสิ่งที่คุณชื่นชอบเพื่อให้รู้สึกว่าสบายใจ หลบหลีกความวุ่นวายของวันเก่าๆ ให้หมดก่อนเข้านอน เพื่อวันรุ่งขึ้นจะได้ตื่นมาพร้อมกับพลังเต็มเปี่ยม พบกับวันใหม่ที่สดใส ไฉไลกว่าเดิม

และ 10 วิธีเหล่านี้จะช่วยให้ทุกๆ วันของคุณมีความสุขกับการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว คุณก็จะสามารถรับมือได้อย่างสบายๆ เลยล่ะค่ะ ค่อยๆ ลองทำตามกันดูน่ะค่ะ
ขอบคุณบทความดีๆ จาก 108health>com

 

 





วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของกากชา
 
 
การล้างพรม ความ พิเศษของชาที่เห็นได้ชัดคือการดูดกลิ่น ชาสามารถดูดกลิ่นรอบๆตัวมันเองได้ เมื่อคุณจะดูดพรม ก่อนที่จะดูด ให้โปรยใบชาแห้งลงในห้องแล้วไว้สักหลายนาที จึงค่อยดูดเอาผงชาออกมา กลิ่นของใบชาจะช่วยทำให้ห้องสดชื่น

เผาเป็นเครื่องหอม
คุณสามารถใช้ชาเผาเป็นเครื่องหอม เหมือนกับเผาธูปหอมหรือกำยานล้างเขียง
เมื่อ คุณหั่นอาหาร กลิ่นที่ติดอยู่บนเขียงจะเป็นที่น่ารำคาญใจมาก เพราะจะทำให้ติดกลิ่นอาหารเมื่อนำไปปรุง เอาใบชาเก่าๆ มาชัดแล้วนำน้ำชามาล้างอีกครั้งหนึ่ง ช่วยบรรเทากลิ่นบนเขียงของคุณได้มากทีเดียว

หมอนชา
หมอน ที่มีกากใบชา จะช่วยทำให้คุณหลับสบายมากขึ้น ใบชาช่วยดูดกลิ่นเหงื่อบนหนังศรีษะขณะที่คุณนอน แต่ต้องนำใบชาไปตากแดดจัดๆ ทุกๆ 2 อาทิตย์

บ้วนปาก
การกลั้วคอด้วยชา
เขียว ช่วยลดแบคทีเรียในช่องปากได้ ฟลูออรีนที่อยู่ในใบชาจะช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและรักษาสุขภาพของช่องปาก

อาบชา
นำ ใบชาที่ชงแล้วหรือที่ยังไม่ชงแต่เก็บไว้นาน มาใส่ในถุงผ้าและแช่ในน้ำร้อน คุณจะล้างน้ำแรกก่อนก็ได้ แล้วค่อยแช่ในอ่างอาบน้ำ ชาจะช่วยรักษาผิวและฆ่าเชื้อโรคได้

ป้องกันสนิม
นำ ใบชาที่ใช้แล้ว แต่ยังเปียกอยู่ มาขัดกับกระทะหรือหม้อเพื่อป้องกันสนิม แทนนินที่มีอยู่ในใบชาจะจับตัวเข้ากับเหล็ก และปกป้องผิวของภาชนะไว้

ขจัดกลิ่นอับในตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น
นำหมอนใบชามาวางไว้ในตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ช่วยลดกลิ่นอับในตู้ กลิ่นคาวดีกว่าสารเคมีดับกลิ่นทั่วๆ ไป

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มาคลายความง่วงช่วงบ่ายกันเถอะ

กรุ๊ปเลือดกับการใช้ชีวิตประจำวัน

     การทานอาหาร หรือแม้นกระทั้งระบบการเผาผลาญของคนตามกรุ๊ปเลือดต่างๆ มักไม่เหมือนกัน ซึ่งวิธีการกิน หรือแม้นกระทั้งอุปนิสัยใจคอก็ไม่เหมือนกันไปด้วย ลองวิธีเลือดทานอาหารและเลือกที่จะใช้ชีวิตตามกรุ๊ปเลือดกันดูไหมค่ะ

     กรุ๊ปเลือด..กับการใช้ชีวิตประจำวัน


     กรุ๊ปเลือด สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งกรุ๊ปเลือดสามารถบอกถึงความแตกต่าง และการใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ด้วย ไม่เชื่อใช่ไหมล่ะค่ะ ว่ากรุ๊ปเลือดธรรมดา สามารถบอกนิสัย รวมกระทั้งสุขภาพของคุณได้ และถ้าคุณได้ลองทานอาหารตามกรุ๊ปเลือดด้วยแล้ว แน่นอนว่า ร่างกายของคุณก็จะได้ใช้พลังงานเหล่านั้นอย่างเต็มที่ แต่ในทางกลัยกันถ้าร่างกายของคุณได้รับสิ่งที่ตรงกันข้าม ร่างกายก็จะทำงาน ผิดพลาดและเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ ซึ่งจะสะสมอยู่ในร่างกาย งั้นเราไปทานอาหารตามกรุ๊ปเลือดกันเลยดีกว่าค่ะ
   
     กรุ๊ป A
บุคลิกนิสัย : เป็นคนอารมณ์เยือกเย็นไม่ชอบการโต้เถียง ไม่ชอบเผยความรู้สึกแท้จริงต่อหน้าผู้อื่น เป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่ดื้อเงียบ ไม่กล้าตัดสินใจ เฉื่อยชา มีปัญหาเรื่องการบริหารเวลา และมักปล่อยจนดินพอกหางหมูเป็นประจำ
สุขภาพร่างกาย : กระเพาะอาหารของชาวกรุ๊ปเอมีความเป็นกรดน้อย เหมาะแก่การย่อยอาหารมังสวิรัติมากกว่าเนื้อสัตว์ เป็นคนที่ดูแลสุขภาพและรูปร่างของตนเป็นอย่างดี แต่ก็มีจุดอ่อนอยู่ที่การกินอาหารไม่ตรงเวลา และการใช้ชีวิตอย่างผิดสุขลักษณะ
อาหารกินดี : บรรพบุรุษของชาวกรุ๊ปเอ ปลูกพืชผักเพื่อดำรงชีวิตอาหารที่เหมาะกับพวกเขาจึงออกแนวมังสวิรัติเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง, เต้าหู้, ปลา และผักผลไม้ รวมไปถึงธัญพืชต่าง ๆ
อาหารหลีกเลี่ยง : เนื้อสัตว์ทุกชนิด ชาวกรุ๊ปเอที่กินเนื้อสัตว์มากเกินไป อาจก่อให้เกิดการสะสมของสารพิษในเซลล์และเนื้อเยื่อจนเกิดโรคร้ายตามมา นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นมเนย ทุกชนิดเพราะกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้และหอบหืดทำให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง เกิดอาการท้องอืดเฟ้อ

    กรุ๊ป B
บุคลิกนิสัย : คนเลือดกรุ๊ปบีมีบุคลิกร่าเริงสดใส มีความเป็นมิตรสูง ปรับตัวเข้ากับคนได้ง่าย ปราดเปรียวคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง นิสัยสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียดทำให้เป็นที่รักของเพื่อนฝูงแต่มีข้อเสียตรงที่ไม่รอบคอบและเอาแต่ใจตัวเอง
สุขภาพร่างกาย : คนเลือดกรุ๊ปบีมีสุขภาพร่างกายและใจแข็งแรง รูปร่างกำยำแบบนักกีฬา มีระบบการย่อยอาหารที่สมดุลสามารถย่อยอาหารได้หลากหลายชนิดทั้งเนื้อสัตว์และผักแถมยังมีความฉลาดทางอารมณ์อย่างน่าอิจฉา
อาหารกินดี : โชคดีจังค่ะ เพราะชาวกรุ๊ปบีสามารถทานได้ทั้งเนื้อสัตว์และผักผลไม้แถมยังถูกโฉลกกับผลิตภัณฑ์พวกนมเนยเอามาก ๆ เพียงแต่ต้องระวังปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินพิกัดเพราะเป็นคนอ้วนง่ายและชอบการรับประทานมาก ๆ
อาหารหลีกเลี่ยง : ไม่ควรทานอาหารทะเลเกือบทุกชนิด ยกเว้นปลาทะเล เพราะอาจขัดขวางการทำงานของเลือด ขณะเดียวกันก็ควรเลี่ยงการกินถั่วเกือบทุกชนิดรวมทั้งข้าวสาลีและข้าวโพด

     กรุ๊ป O
บุคลิกนิสัย : เป็นคนเอาจริงเอาจัง มีความรับผิดชอบสูง มีความเป็นผู้นำสูง เป็นนักวางแผนที่ดี และมีความละเอียดรอบคอบ ชาวกรุ๊ปโอยังเป็นคนกล้าหาญและมีความเข้มแข็งไม่ค่อยท้อแท้เมื่อเจออุปสรรค โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีข้อเสียตรงที่มั่นใจในตัวเองสูง เพราะเป็นคนเก่ง บ่อยครั้งจึงถูกมองว่าเป็นคนหัวรั้นเอาแต่ใจตัวเอง
สุขภาพร่างกาย : กระเพาะของชาวกรุ๊ปโอมีสภาพเป็นกรดสูงกว่ากรุ๊ปอื่น ๆ สามารถย่อยเนื้อสัตว์ได้ดี และระบบเผาผลาญมีประสิทธิภาพมาก ยังโชคดีที่ไม่อ้วนง่าย สุขภาพค่อนข้างแข็งแรง
อาหารกินดี : เหมาะแก่การย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อปลา และสัตว์ปีกรวมถึงการกินอาหารทะเลกับผักใบเขียวซึ่งอุดมด้วยวิตามิน ช่วยการทำงานของต่อมไทรอยด์ และลดการเกิดลิ่มเลือด 
อาหารหลีกเลี่ยง : ผลิตภัณฑ์จากนมเนยทุกชนิด มันฝรั่ง, ข้าวสาลี, แป้งสาลี, แป้งข้าวโพด, พืชตระกูลกะหล่ำ และเห็ดหอม ควรงดกาแฟซึ่งทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารมากยิ่งขึ้นแล้วหันมาดื่มชาเขียวแทน ตามตำราระบุว่า ผลิตภัณฑ์จากนมวัวทำให้เกิดอาการแพ้และท้องอืด ส่วนเห็ดหอม มันฝรั่ง และมะเขือยาว ทำให้เกิดโรคไข้ข้ออักเสบ ร่างกายอ่อนแอได้

      กรุ๊ป AB
บุคลิกนิสัย : เป็นกรุ๊ปเลือดที่พบน้อยที่สุด มีเพียงร้อยละ 5 ของประชากรทั้งโลก ชาวกรุ๊ปเอบีนิสัยใจคอเป็นคนมีเหตุผล เข้ากับคนอื่นได้ง่าย มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นคนใจดีขี้สงสารเป็นนักฟังและผู้ให้คำปรึกษาที่ดี แต่เวลาตัวเองมีปัญหามักเก็บงำไว้เงียบ ๆคนเดียว ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง และอารมณ์แปรปรวนขึ้นลงจนตามไม่ทัน
สุขภาพร่างกาย : เป็นคนรักสวยรักงามและใส่ใจรูปร่างหน้าตาอยู่เสมอ แต่ชาวกรุ๊ปเอบีมักมีปัญหาเรื่องระบบเผาผลาญของร่างกายทำให้ค่อนข้างตุ้ยนุ้ยเจ้าเนื้อ คนเลือดกรุ๊ปนี้มีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่ากรุ๊ปอื่น ๆ ระบบภูมิคุ้มกันไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เป็นโรคภูมิแพ้ มีอาการเหนี่อยง่าย
อาหารกินดี : เป็นคนที่มีกรดในกระเพาะอาหารน้อยอย่างชาวกรุ๊ปเอ แต่ก็สามารถกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยได้ง่าย เช่นเนื้อไก่ ปลาแซลม่อน ปลาทูน่า
อาหารหลีกเลี่ยง : ไม่ควรทานอาหารทะเลเกือบทุกชนิดยกเว้นปลาทะเล เพราะอาจขัดขวางการทำงานของเลือด ขณะเดียวกันก็ควรเลี่ยงการกินถั่วเกือบทุกชนิด รวมทั้งข้าวสาลีและข้าวโพด

ที่มา http://www.108health.com